สารจากประธานกรรมการ
ปี พ.ศ. 2566 เป็นปีที่เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความท้าทายจากการฟื้นตัวหลังสถานการณ์การระบาดโควิด 19 และปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์จากการสู้รบในรัสเซีย-ยูเครน และสงครามระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอยู่ไม่น้อย นอกจากปัญหาเหล่านี้แล้ว อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลกยังส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างจำกัด ซึ่งประเทศไทยก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากผลกระทบเหล่านี้ได้ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากร้อยละ 1.5 ในช่วงต้นปีเป็นร้อยละ 2.5 ในช่วงปลายปี ส่งผลให้ต้นทุนของภาคธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น และกำลังซื้อที่ลดต่ำลงทำให้การอุปโภคบริโภคในประเทศลดลง ในขณะที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังคงอยู่ในระยะฟื้นตัว ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ปี 2566 เติบโตได้เพียงร้อยละ 1.9* เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การเติบโตทางเศรษฐกิจจะยังชะลอตัว แต่กลุ่มบริษัทเอ็กซ์สปริง ก็ยังมีผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนหน้า เนื่องจากบริษัทฯ ได้ปรับพอร์ตการลงทุนให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งนำมาสู่ผลตอบแทนที่ดีขึ้น รวมถึงธุรกิจต่าง ๆ ภายใต้กลุ่มบริษัทฯ สามารถเริ่มดำเนินงานได้อย่างเต็มรูปแบบ และมีผลการดำเนินงานในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น ดังนี้
1. กลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์และวาณิชธนกิจ (ภายใต้บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)) ในส่วนของธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ อาจจะได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดหุ้นที่มีการซื้อขายต่อวันที่ 49,000 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งลดลงร้อยละ 30 จากปีก่อนหน้า ทำให้รายได้ในส่วนนี้มีการปรับตัวลดลง แต่ทางบริษัทก็มีรายได้ในส่วนของวาณิชธนกิจและรายได้อื่น ๆ เพิ่มสูงขึ้นมาชดเชยรายได้ในส่วนที่ลดลงไป และในปีนี้การเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน กับ Krungthai NEXT ได้เสร็จเรียบร้อยในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น
2. ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน (ภายใต้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์ปริง จำกัด) ได้ขยายธุรกิจทั้งในส่วนของกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล โดยในธุรกิจกองทุนรวม บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกว่า 16 แห่ง ทำให้มีกองทุนที่หลากหลายในการเสนอขายต่อนักลงทุน ในส่วนของกองทุนส่วนบุคคล บริษัทฯ ได้ขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติมโดยการสร้างผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุน จึงทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ดีขึ้นเป็นลำดับ
3. ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ภายใต้บริษัท บริหารสินทรัพย์ เอ็กซ์สปริง จำกัด) ในปี พ.ศ. 2566 บริษัทฯ ได้ประมูลหนี้ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงินได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนหนี้ที่มีหลักประกัน ซึ่งเป็นส่วนที่ได้บริหารมาก่อนหน้า หนี้ไม่มีหลักประกัน และหนี้สินเชี่อธุรกิจ ส่งผลให้ในปัจจุบัน บริษัทฯ มีการบริหารหนี้ครบทุกรูปแบบ รวมยอดหนี้ภายใต้การบริหารราว 3,500 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
4. ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ภายใต้บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด) เนื่องจากภาวะของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในปีที่ผ่านมายังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ และปริมาณการซื้อขายในตลาดที่ลดลง ส่งผลให้ธุรกิจการเป็นนายหน้าและผู้ค้าคริปโทเคอร์เรนซีมีรายได้ลดลงตามภาวะตลาดทั่วโลก ในขณะที่รายได้จากการเป็น ICO Portal หรือผู้ให้คำแนะนำในการออกโทเคนเพื่อการระดมทุนยังไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ เนื่องจากอุปสรรคจากเกณฑ์การเก็บภาษีต่าง ๆ ส่งผลให้ตลาดโทเคนดิจิทัลในประเทศไทยยังซบเซา ทำให้โครงการเสนอขายโทเคนดิจิทัลมีจำนวนไม่มากนักในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามจากนโยบายสนับสนุนการระดมทุนแบบดิจิทัลด้วยการเสนอขายโทเคนดิจิทัลของรัฐบาลปัจจุบัน ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนเกณฑ์ด้านภาษี อันจะทำให้ธุรกิจการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลกลับมาได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2567
กลุ่มบริษัท เอ็กซ์สปริง ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเน้นการเชื่อมโยงธุรกิจต่าง ๆ ภายในกลุ่ม ทั้งในด้านฐานลูกค้า ระบบการทำงาน และทรัพยากรบุคคล บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกและปลอดภัยให้กับลูกค้า โดยภายในปี พ.ศ. 2567 บริษัทฯ ได้มีเป้าหมายในการเปิดตัวแอปพลิเคชัน XSpring เพื่อการลงทุนแบบครบวงจร นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขยายความร่วมมือไปยังบริษัทต่าง ๆ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจอีกด้วย
สุดท้ายนี้ ผมในฐานะตัวแทนคณะกรรมการกลุ่มบริษัท เอ็กซ์สปริง ใคร่ขอขอบคุณผู้ถือหุ้น ลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจทุกท่านสำหรับความไว้วางใจ ความเชื่อมั่น และการสนับสนุนที่บริษัทฯ ได้รับเสมอมา และขอขอบคุณ
คณะผู้บริหาร และพนักงานทุกคน ที่ได้ทุ่มเทแรงกายและแรงใจในการทำงาน ทำให้บริษัทฯ สามารถก้าวข้ามความท้าทายในปีที่ผ่านมาได้ และสำหรับการทำงานในปี พ.ศ. 2567 ผมหวังว่าผู้บริหาร และพนักงานทุกท่านจะร่วมมือร่วมใจในการสร้างการเติบโตและความสำเร็จอย่างยั่งยืนให้กับบริษัทต่อไป
ระเฑียร ศรีมงคล
ประธานกรรมการ