แชร์

สารจากประธานกรรมการ


สารจากประธานกรรมการ


ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่มีความท้าทาย เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตต่ำกว่าที่ประมาณการไว้เมื่อต้นปี ในปี 2567 ตัวเลข GDP ของประเทศขยายตัวเพียง 2.5% ต่ำกว่าที่สภาพัฒน์ฯ คาดการณ์ไว้เมื่อต้นปีที่ระดับ 3.0 - 3.2% โดยที่ปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศ ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น นอกจากนี้ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้พฤติกรรมการใช้จ่าย และการกู้ยืมเป็นไปอย่างระมัดระวัง ซึ่งส่งกระทบต่อระบบเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง

ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ของภาคธุรกิจในประเทศคาดว่ายังต้องเผชิญกับความท้าทายในอีกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวเข้าสู่โลกยุคดิจิทัล อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศยังเป็นความท้าทายที่ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนนโยบาย และกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล 

อย่างไรก็ตามแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวลง แต่ด้วยแนวทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มธุรกิจการเงิน เอ็กซ์สปริง ที่ได้ยึดมั่นในการทำธุรกิจโดยมุ่งเน้นให้การสนับสนุนลูกค้าทั้งด้านเงินทุน และองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนแปลงสู่ธุรกิจยุคใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และโอกาสในขยายธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักการความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม และการรับผิดชอบทางสังคมเป็นสำคัญ พร้อมกันนั้นยังได้ปรับพอร์ตการลงทุนให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนหน้า โดยสามารถแบ่งเป็นรายธุรกิจได้ดังนี้

1. กลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์และวาณิชธนกิจ (ภายใต้บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)) ในส่วนของธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ แม้จะได้รับผลกระทบจากสภาวะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ตลาดมีธุรกรรมการซื้อขายที่เบาบางลง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์หดตัวลงมาเหลือ 4.6 หมื่นล้านบาทต่อวัน ลดลงกว่า 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้รายได้ในส่วนนี้มีการปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามบริษัทได้ยกระดับการให้บริการเพื่อรับมือกับสภาวะดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจวาณิชธนกิจให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทุกมิติ และธุรกิจตัวแทนขายหน่วยลงทุนที่มีรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ ๆ เพื่อกระจายแหล่งที่มาของรายได้และลดการพึ่งพารายได้จากค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์และชดเชยรายได้ในส่วนที่ลดลงไป 

2. ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน (ภายใต้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด) ได้มุ่งพัฒนาและยกระดับประสบการณ์การลงทุนของนักลงทุนให้ดียิ่งขึ้น ผ่าน XSpring Application ให้นักลงทุนสามารถซื้อ-ขาย ติดตามภาพรวมพอร์ตการลงทุนได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มีการขยายธุรกิจกองทุนรวม และกองทุนส่วนบุคคล ผ่านการนำเสนอกองทุนที่บริหารจัดการภายใต้ความร่วมมือระหว่าง บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด และ Partner ที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลกในอุตสาหกรรมนั้น ๆ ภายใต้แนวคิด “Your Trusted Partner in an Evolving Financial World” โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมมือกับ Macquarie Asset Management บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่เน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดในโลก เสนอขาย X-PEGINFRA-UI กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงกองทุน X-PLUS ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนตามสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา  นอกจากนี้บริษัทยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของข้อมูลที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานในการให้บริการของบริษัทและความรู้ด้านการลงทุนแก่นักลงทุนครบทุกมิติมากขึ้นผ่านความร่วมมือกับ TS Lombard บริษัทด้านการวิจัยเศรษฐศาสตร์ระดับโลกที่จะช่วยเสริมแกร่งการลงทุนทั้งบทวิเคราะห์ ข้อมูล และข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในต่างประเทศที่มีความยากในการเข้าถึงข้อมูลและข่าวสาร ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมาก 

3. ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ภายใต้บริษัท บริหารสินทรัพย์ เอ็กซ์สปริง เอ เอ็ม ซี จำกัด) ภาพรวมของธุรกิจบริหารสินทรัพย์ในปีที่ผ่านมายังคงได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัว หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้สถาบันทางการเงินต่าง ๆ ปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง ทำให้การบริโภคภายในประเทศหดตัวลง ซึ่งกระทบกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ที่ลดลง บริษัทจึงได้ปรับกลยุทธ์โดยการชะลอการประมูลหนี้เข้าพอร์ต แต่เน้นไปที่คุณภาพในการจัดเก็บหนี้ในพอร์ตเดิม และควบคุมผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss : ECL) เพื่อรักษาเสถียรภาพของพอร์ตหนี้ และคงประสิทธิภาพการทำกำไรให้เติบโตอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตามในปี 2568 บริษัทยังคงตั้งเป้าในการลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพที่มีศักยภาพ โดยพิจารณาอย่างรอบคอบไม่ว่าจะเป็นด้านราคาของการเข้าลงทุน และการบริหารกระแสเงินสด เพื่อรักษาระดับของการเติบโตในอนาคต ปัจจุบันบริษัทมีหนี้ภายใต้การบริหารราว 4,000 ล้านบาท 

4. ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ภายใต้บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด) สำหรับภาพรวมของสินทรัพย์ดิจิทัลในปี 2567 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่สดใส อันสืบเนื่องมาจากการที่ ก.ล.ต. สหรัฐฯ อนุมัติกองทุน Spot Bitcoin ETF เมื่อต้นปีที่ผ่านมา นโยบายผลักดันสินทรัพย์ดิจิทัลของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ  และสถานการณ์ความตึงเครียดเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนจำนวนมากไหลเข้าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้ธุรกิจการเป็นนายหน้าและผู้ค้าคริปโทเคอร์เรนซีมีรายได้เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของตลาด ในขณะที่รายได้จากการเป็น ICO Portal หรือผู้ให้คำแนะนำในการออกโทเคนดิจิทัลเพื่อการระดมทุนยังไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวลง ส่งผลให้ผู้ออกโทเคนดิจิทัลทำการเลื่อนโครงการต่าง ๆ ไว้ อย่างไรก็ตามจากนโยบายสนับสนุนการระดมทุนแบบดิจิทัลด้วยการเสนอขายโทเคนดิจิทัล รวมถึงนโยบายต่าง ๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เริ่มชัดเจนขึ้นจะทำให้ตลาดการออก และเสนอขายโทเคนดิจิทัลกลับมาเติบโตมากยิ่งขึ้น

ก้าวเข้าสู่ปี 2568 กลุ่มธุรกิจการเงิน เอ็กซ์สปริง ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ในฐานะ “ผู้นำทางการเงินยุคใหม่” เพื่อสร้างระบบการเงินที่เป็นธรรม และสามารถเชื่อมต่อผู้คนทั่วโลกได้อย่างไร้รอยต่อ โดยเน้นการเชื่อมโยงธุรกิจต่าง ๆ ภายในกลุ่ม ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่บริษัทฯ ได้วิจัยและพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทฯ ได้เริ่มให้บริการ “XSpring Application” ในช่วงแรกซึ่งนักลงทุนสามารถ ซื้อ-ขายกองทุนได้มากกว่า 1,000 กองทุน จาก 17 บลจ.ชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึงติดตามภาพรวมของพอร์ตการลงทุนของสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่นักลงทุนได้ซื้อไว้ในกลุ่มบริษัทได้ตลอด 24 ชั่วโมง และจะมีการเพิ่มเติมบริการอื่น ๆ เข้ามาในอนาคต เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนครบทุกมิติ

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นในการเป็นองค์กรต้นแบบผ่านการดำเนินงานโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการยกระดับชุมชนและสังคม ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย สร้างความเท่าเทียมทางการเงินให้กับกลุ่มผู้มีความบกพร่องทางการได้ยินให้ไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ และสามารถนำความรู้ไปต่อยอดได้ในอนาคต ผ่านการจัดสัมมนา และจัดทำวิดีทัศน์เพื่อการเรียนรู้บนสื่อออนไลน์ ในโครงการ “Because Sharing is Caring – The Unsilenced Truths เสียงไม่เงียบ เงินทองเรื่องต้องรู้” จนสามารถคว้ารางวัล “การสร้างองค์ความรู้อย่างยั่งยืน” ในโครงการ “ตลาดทุนร่วมใจ ส่งพลังความรู้ สู่ประชาชน” ที่จัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้สำเร็จเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

ในขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็ไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะของ “พนักงานในองค์กร” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของบริษัทฯ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และเพิ่มความสะดวกปลอดภัยให้แก่ลูกค้า ผ่านการสนับสนุนการเรียนรู้ผ่านการจัดคลาสการเรียนการสอน การฝึกอบรม รวมถึงมอบทุนการศึกษาให้แก่พนักงานได้ศึกษาในสิ่งที่สนใจและสามารถนำความรู้กลับมาพัฒนาองค์กรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ความสำเร็จของเราในวันนี้เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของทีมงานทุกคนที่ไม่เพียงแต่มองเห็นเป้าหมายเดียวกัน แต่ทีมงานทุก ๆ คนยังมีความกล้าในการเปลี่ยนแปลง และสร้างสิ่งใหม่ ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า พร้อมทั้งขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน 

สุดท้ายนี้ ในนามของคณะกรรมการของกลุ่มธุรกิจการเงิน เอ็กซ์สปริง ผมขอขอบคุณผู้ถือหุ้น ลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจที่ให้การสนับสนุนและไว้วางใจในบริษัทฯ ของเราเสมอมา เราขอให้คำมั่นว่าจะไม่หยุดยั้งที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง และจะทุ่มเทแรงกายและแรงใจในการทำงานเพื่อสร้างการเติบโตและความสำเร็จอย่างยั่งยืนให้กับบริษัทฯ ต่อไป


ธนารักษ์ พงษ์เภตรา
ประธานกรรมการ
บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล